tag:blogger.com,1999:blog-16335299355105496532024-03-13T09:39:29.689-07:00*~ My Na Ka ~*Hallo..!!! Are U ready ...~**~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.comBlogger33125tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-29917110584946361312008-01-23T21:48:00.000-08:002008-01-23T21:57:31.872-08:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 (ภาค 1)<div align="justify"><span style="color:#ff0000;">1. จงบอกความหมายของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษามาอย่างถูกต้อง<br /></span>- เทคโนโลยี หมายถึง การนำเอากระบวนการ วิธีการ และ ความคิดใหม่ ๆ มาใช้หรือประยุกต์ใช้อย่างมีระบบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ<br />- นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง ความคิดและวิธีการ ปฏิบัติใหม่ ๆ ที่ส่งเสริมให้กระบวนการทางการศึกษามีประสิทธิภาพสูงขึ้น<br /><br /><span style="color:#ff0000;">2. จงยกตัวอย่างเทคโนโลยีและนวัตกรรมในสาขาต่าง ๆ มาอย่างน้อย 5 สาขา</span><br />1. เทคโนโลยีทางการทหาร ( Military Technology)<br />2. เทคโนโลยีทางการแพทย์ ( Medical Technology)<br />3. เทคโนโลยีทางการเกษตร ( Agricultural Technology)<br />4. เทคโนโลยีทางการสื่อสาร ( Communication Technology)<br />5. เทคโนโลยีทางการค้า ( Commercial Technology)<br />6. เทคโนโลยีทางวิศวกรรม ( Engineering Technology)<br />7. เทคโนโลยีทางการตลาดสังคม ( Social Marketing Technology)<br />8. เทคโนโลยีทางการศึกษา ( Educational Technology)<br /><br /><span style="color:#ff0000;">3. จงอธิบายเปรียบเทียบความหมายของเทคโนโลยีทางการศึกษาตามทัศทางวิทยาศาสตร์ กายภาพและทัศนะ ทางพฤติกรรมศาสตร์ให้ชัดเจน<br /></span>- <span style="color:#cc66cc;">ทัศนะทางสื่อหรือวิทยาศาสตร์กายภาพ</span> ( Media or Physical Science concept) เทคโนโลยีทางการศึกษาตามทัศนะนี้มุ่งไปที่วัสดุ อุปกรณ์ หรือผลิตผลทางวิศวกรรม เป็นสำคัญแต่ไม่รวมวิธีการหรือปฏิสัมพันธ์อื่น ๆ เพราะ เห็นว่า การนำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุมาช่วยในกระบวนการเรียนการสอนทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายได้ง่ายขึ้น<br />- <span style="color:#cc66cc;">ทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์</span> ( Behavioral science concept) เทคโนโลยีทางการศึกษาตามทัศนะนี้มุ่งไปที่พฤติกรรมของมนุษย์เป็นสำคัญ โดยมองว่ามนุษย์มีการเรียนรู้อย่างไร มีความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างไร จะจัดการเรียนการสอน หรือการศึกษาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมต่างๆ ได้อย่างไร จึงจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีทางการศึกษาครอบคลุมกระบวนการศึกษา 4 ขั้น คือ<br />3.1 การตั้งจุดมุ่งหมายทางการศึกษาต้องเน้นพฤติกรรมที่จะวัด และสังเกตเห็นได้<br />3.2 ต้องมีการวิเคราะห์ผู้เรียนในแง่ของความสำเร็จ ความพร้อม และอื่นๆ เพื่อจัดหลักสูตร และโครงการสอนให้เหมาะสมกับ ผู้เรียนแต่ละคน<br />3.3 วิธีการที่ครูใช้รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายและเนื้อหาระสบการณ์ที่ผู้เรียนจะต้องเรียน<br />3.4 การวัดและประเมินผลการเรียนและหลักสูตร<br /><br /><span style="color:#ff0000;">4. จงบอกความหมายของการศึกษาตามความเข้าใจของบุคคลในระดับต่าง ๆ อย่างน้อย 3 ระ</span>ดับ<br />1. <span style="color:#cc66cc;">บุคคลธรรมดาสามัญ</span> ความหมายตามพจนานุกรม อธิบายว่า การศึกษาเป็น การเล่าเรียนฝึกฝนและอบรม (ราชบัณฑิตยสถานสถาน, 2529: 108)<br />2. <span style="color:#cc66cc;">บุคคลในวิชาชีพทางการศึกษา</span> ความหมายตามพจนานุกรมทางการศึกษาให้ ความหมายว่า การศึกษาเป็นศิลปะการถ่ายทอดความรู้จากอดีต ซึ่งจัดรวบรวม ไว้เป็นหมวดหมู่อย่างมีระบบเพื่อให้บุคคลรุ่นหลังเข้าใจและนำไปปฏิบัติ ( Good. 1959: 191)<br />3. <span style="color:#cc66cc;">บุคคลที่เป็นนักการศึกษา</span> นักการศึกษามีทัศนะเกี่ยวกับการศึกษาแตกต่างกัน จำแนกได้เป็น 2 ทัศนะ คือ<br />3.1 ทัศนะแนวสังคมนิยม การศึกษาแนวสังคมนิยมให้ความสำคัญของ ส่วนรวมก่อน การศึกษา หมายถึง การปรับตัวให้เข้ากับสังคม ศาสนาเป็นการศึกษารูปแบบหนึ่ง การปฏิรูปตามศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับสังคม ศาสนากับการศึกษาจึงมักรวมแนวทางกันเสมอ<br />- <span style="color:#cc66cc;">พลาโต ( Plato)</span> กล่าวว่า “การศึกษา” คือเครื่องมือที่ผู้ปกครองประเทศใช้ในการเปลี่ยนแปลงนิสัยมนุษย์ เพื่อก่อให้เกิดรัฐที่มีความสมานสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ( ภิญโญ สาธร. 2522: 13)<br />3.2 ทัศนะเสรีนิยม การศึกษา คือ การมุ่งพัฒนาบุคคลแต่ละคนให้เจริญงอกงามเต็มที่ตามความสามารถที่เขามีอยู่แล้ว บุคคลที่ได้รับการศึกษานี้จะใช้ความสามารถของตนสร้างเสริมสังคมเอาเองในอนาคต<br />- <span style="color:#cc66cc;">ศาสตราจารย์สาโรจ</span> บัวศรี ให้ความหมายการศึกษาว่า คือ ความเจริญงอกงามทางร่างกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์ (สาโรจ บัวศรี.2526 ซ 16)<br />- <span style="color:#cc66cc;">พุทธทาสภิกขุ</span> อธิบายการศึกษาว่า คือ การทำลายสัญชาตญาณสัตว์ การศึกษาเพื่อยกจิตใจของมนุษย์และเสนอว่า การศึกษาเป็นไปเพื่อธรรมาธิปไตยมิใช่ประชาธิปไตย (พุทธทาสภิกขุ.2516:7)<br />- <span style="color:#cc66cc;">พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว</span> <span style="color:#cc66cc;">รัชกาลที่ 9</span> การให้การศึกษานั้นกล่าวโดยย่อได้แก่ การช่วยเหลือบุคคลให้ค้นพบวิธีดำเนินชีวิตในทางที่ชอบและเหมาะแก่อัตภาพของตน(วีระ บุณยะกาญจน.2532:5)</div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-28463012682249746602008-01-23T04:07:00.000-08:002008-12-09T02:41:49.280-08:00เศรษฐกิจพอเพียง<div align="justify"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cuK_QYezI/AAAAAAAAAIg/Rp5LvuBa8Rk/s1600-h/8.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158642664489909042" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 157px; CURSOR: hand; HEIGHT: 226px" height="210" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cuK_QYezI/AAAAAAAAAIg/Rp5LvuBa8Rk/s320/8.jpg" width="141" border="0" /></a> เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ต่อมาภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไข้เพื่อให้รอดพันวิกฤตการณ์ และ สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่นยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ<br /></div><div align="justify">ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนทุกระดับ ตั่งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ ก้าวทันโลกยุตโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียงหมายถึง ความประมาณ ความมีเหตุ รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรแก่การมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาต่างๆมาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน ขณะเดียวกัน ก็จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในประเทศ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และ นักธุรกิจทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และมีความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแล้วกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และ วัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้อย่างดี<br /></div><div align="justify">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียงเมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2540 ซึ่งได้มีการขานรับนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติกันหลายหน่วยงาน แต่คนส่วนมากมักเข้าใจว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของเกษตรกรในชนบทเท่านั้น แต่แท้ที่จริงผู้ประกอบอาชีพอื่น เช่น พ่อค้า ข้าราชการ และพนักงานบริษัทต่างๆ สามารถนำแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ได้ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ ทรงได้มีมหากรุณาธิคุณอธิบายเพิ่มเติมว่า </div><div align="justify">". . . ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงและทำได้เศษหนึ่งส่วนสี่เท่านั้นจะพอนั้น ไม่ได้แปลว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่ แต่เป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ของการกระทำ. . ."</div><div align="justify"> จากนั้น ได้ทรงขยายความ คำว่า "พอเพียง" เพิ่มเติมต่อไปว่า หมายถึง "พอมีพอกิน" </div><div align="justify"> ". . . พอมีพอกิน ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแต่ละคนมีพอมีพอกินก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าทั้งประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี. . ." </div><div align="justify"> ". . . ประเทศไทยสมัยก่อนนี้ พอมีพอกิน มาสมัยนี้อิสระ ไม่มีพอมีพอกิน จึงจะต้องเป็นนโยบายที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะให้ทุกคนพอเพียงได้ พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ. . ." ทรงเปรียบเทียบคำว่า พอเพียง กับคำว่า Self-Sufficiency ว่า </div><div align="justify">. . Self-Sufficiency นั้น หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง. . . เป็นไปตามที่เค้าเรียกว่ายืนบนขาของตัวเอง. . . . . คนส่วนมากมักเข้าใจว่า เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของ เกษตรกรในชนบทเท่านั้น แต่แท้ที่จริง ผู้ประกอบอาชีพอื่น เช่น พ่อค้า ข้าราชการ และพนักงานบริษัทต่างๆ สามารถนำแนว พระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้ได้ . . . แต่ว่าพอเพียงนี้มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือ คำว่าพอ ก็พอเพียงนี้ก็พอแค่นั้นเอง คนเราถ้าพอใจในความต้องการมันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนผู้อื่นน้อย ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้ อาจจะมี มีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติงานก็พอเพียง. . ." ฉะนั้น ความพอเพียงนี้ก็แปลว่าความพอประมาณและความมีเหตุผล<br /></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-41739684854299464162008-01-23T04:03:00.000-08:002008-12-09T02:41:49.443-08:00โครงการแก้ไขปัญหาดินเค็มด้วยระบบน้ำชลประทาน<div align="center">(งานพัฒนาลำห้วยบ่อแดง ลำห้วยซาง) </div><br /><br /><div align="center">จ.สกลนครสถานที่ดำเนินการ บ้านจาร หมู่ที่ 5 ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร </div><br /><br /><div align="center"></div><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158642041719651106" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" height="103" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5ctmvQYeyI/AAAAAAAAAIY/_gmz4IcXweQ/s320/7.jpg" width="330" border="0" /><br /><div align="left">พระราชดำริ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2544 นางประเพ็ญ ปลัดกอง กำนันตำบลม่วง นายศูนย์ทอง สมใจ กำนันตำบลหนองกวั่ง และนายจำปา สุวรรณไตร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลม่วงได้ร่วมกันกราบบังคมทูลถวายรายงานเกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาดินเค็มในเขตจังหวัดสกลนคร และขอพระราชทานพระมหากรุณา ขอสร้างฝายกั้นน้ำห้วยบ่อแดง เนื่องจากในฤดูฝนน้ำในลำห้วยบ่อแดงและห้วยซางไหลเร็วทำให้มีน้ำไม่เพียงพอทำการเกษตรในฤดูแล้ง ดังนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จึงมีพระราชดำริให้จัดหาแหล่งน้ำในลำห้วยบ่อแดง ตามความเหมาะสม เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง </div><div align="left"> </div><div align="left">วัตถุประสงค์ของโครงการ<br />1. เพื่อใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำเสริมการเพาะปลูกในฤดูฝนและการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการอุปโภค-บริโภค ของราษฎร รวมทั้งการเลี้ยงสัตว์<br />2. เป็นการพัฒนาลุ่มน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาดินเค็มให้สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ได้เต็มศักยภาพ </div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-75655333641061058862008-01-23T03:56:00.000-08:002008-12-09T02:41:50.253-08:00โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรตามพระราชดำริ<div align="justify">โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรตามพระราชดำริ เป็นโครง การที่เริ่มทำการศึกษาและวางโครงการขึ้นตามแนวพระราชดำริในพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้น จึงพิจารณาดำเนินการก่อสร้างให้ สอดคล้องเพิ่มเติมนอกเหนือจากแผนงานพัฒนาหลักของแต่ละหน่วยราชการที่กำ หนดไว้ตามความเหมาะสม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรฯ เป็นงานส่วนใหญ่ของ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามพระราชดำริ โดยมีกรมชลประทานเป็นหน่วยงาน หลักทำการก่อสร้างสนองพระราชดำริ มีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาหรือบรรเทาความเดือดร้อนจนสามารถสนองความต้องการขั้นพื้น ฐานของราษฎร ในการจัดหาน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในท้องที่ซึ่งขาด แคลนน้ำให้มีน้ำใช้ทำการเพาะปลูกพืช สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนจัด หาน้ำให้กับราษฎรในเขตโครงการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอีกด้วย</div><br /><div align="justify"></div><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158640602905606930" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 348px; CURSOR: hand; HEIGHT: 74px; TEXT-ALIGN: center" height="59" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5csS_QYexI/AAAAAAAAAIQ/nkENzSnJYLM/s320/6.jpg" width="331" border="0" /><br /><div align="justify"></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-43384948269315931972008-01-23T03:53:00.000-08:002008-12-09T02:41:50.458-08:00มูลนิธิชัยพัฒนา<div align="justify"><a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cq4_QYewI/AAAAAAAAAII/gxPVxB2-sHo/s1600-h/4.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158639056717380354" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="227" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cq4_QYewI/AAAAAAAAAII/gxPVxB2-sHo/s320/4.jpg" width="138" border="0" /></a> พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริ ให้จัดตั้ง "มูลนิธิชัยพัฒนา"เพื่อสนับสนุน การช่วยเหลือประชาชน ในรูปของการดำเนินการพัฒนาในด้านต่างๆ ในกรณีที่การดำเนินงานนั้นๆถูกจำกัดด้วย เงื่อนไขดังที่ได้กล่าวไว้แล้วหรือดำเนินงาน ในลักษณะอื่นใด ที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง รวดเร็วและไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดในเรื่องเงื่อนไขของเวลา </div><div align="justify"> </div><div align="justify">กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครได้รับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิชัยพัฒนาให้เป็นนิติบุคคล ตามเลขทะเบียนลำดับที่๓๙๗๕ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๓๑ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่๑๐๕ ตอนที่ ๑๐๙ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๓๑ </div><br />วัตถุประสงค์<br />1. เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรและโครงการพัฒนาอื่น ๆ <br />2. เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสงเคราะห์และ ช่วยเหลือประชาชนในด้านเศรษฐกิจ และสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและให้สามารถช่วย ตัวเองและพึ่งตนเองได้<br />3. ดำเนินการใดๆอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติเป็นส่วนรวม <br />4. ร่วมมือกับส่วนราชการและ องค์กรการกุศล อื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์หรือดำเนินการเพื่อเน้นในการสนับสนุนสาธารณประโยชน์ <br />5. ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง<br /><br /><div align="justify">แนวทางการดำเนินการ </div><div align="justify">การดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนา จะเน้นกิจกรรม เพื่อการพัฒนาที่ไม่ซ้ำซ้อน กับแผนงาน โครงการของรัฐที่มีอยู่แล้วแต่จะพยายาม สนับสนุน ส่งเสริม และ ประสานการดำเนินงานเพื่อให้โครงการต่างๆ เกิดความสมบูรณ์และสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับสถานการณ์โดยเฉพาะ ในกรณีที่โครงการของรัฐ ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไข ของกฏระเบียบต่างๆอันเป็นผลทำให้โครงการนั้นๆ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีเช่นในกรณีที่อาจต้องจัดซื้อที่ดินจากราษฎรบางส่วน เพื่อดำเนินงานตามโครงการหนึ่งแต่รัฐมีปัญหา ด้านงบประมาณไม่เพียงพอในการจัดซื้อหรือมิได้ตั้งงบประมาณไว้ หรือ ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขของระเบียบต่างๆทำให้ดำเนินการจัดซื้อไม่ได้ หรือต้องตั้งงบประมาณจัดซื้อ ใน ๑-๒ ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้โครงการล่าช้าไป เป็นต้นในกรณีเช่นนี้มูลนิธิชัยพัฒนา จะได้ช่วยเหลือตามความเหมาะสมเพื่อให้โครงการนั้นๆ ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด </div><br /><div align="justify">วิธีการดังตัวอย่างข้างต้นอาจนับได้ว่าเป็นวิวัฒนาการใหม่ ของแนวทางการพัฒนาประเทศที่มีมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะเป็นนิติบุคคลสาธารณประโยชน์ที่จะเข้ามาประสานงานร่วมมือสนับสนุน โครงการพัฒนาของรัฐ อย่างสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อให้โครงการที่มีปัญหานั้นๆสามารถดำเนินงานไปได้ โดยก่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และประเทศชาติ อย่างเต็มที่<br /></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-34966461477374919912008-01-23T03:49:00.000-08:002008-12-09T02:41:51.219-08:00โครงการพระราชดำริด้านการแพทย์<div><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158638141889346258" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="205" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cqDvQYetI/AAAAAAAAAHw/m_O1SLSMZv0/s320/1.jpg" width="165" border="0" />โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทานเริ่มเมื่อ พ.ศ. 2510 เพื่อตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดาร โดยไม่คิดมูลค่า และถ้าจำเป็นก็จัดส่งไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดต่าง ๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานประทับแรม และในท้องถิ่น ต่าง ๆ ที่ห่างไกลตัวเมืองมาก<br />โครงการหน่วยทันตกรรมพระราชทานตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 เพื่อส่งทันตแพทย์อาสาสมัครออกช่วยเหลือ บำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟันแก่เด็ก นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องที่ทุรกันดารโดยไม่คิดมูลค่า ได้รับความ ร่วมมือจากทันตแพทย์โรงพยาบาลต่างๆ ในการออกปฏิบัติการภาคสนาม<br />แพทย์พระราชทาน (<a href="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cqOPQYeuI/AAAAAAAAAH4/XSeeZ1tsPKM/s1600-h/2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158638322277972706" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="136" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cqOPQYeuI/AAAAAAAAAH4/XSeeZ1tsPKM/s320/2.jpg" width="187" border="0" /></a>แพทย์ประจำพระองค์)ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ประจำพระองค์ที่ตามเสด็จฯ ตรวจและรักษาคนไข้ ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2512 เมื่อเสด็จ พระราชดำเนินทอดพระเนตรโครงการชาวเขา และทรงพบว่าราษฎรที่มา รอรับเสด็จป่วยเป็นไข้กันมาก </div><div><br /><br /></div><div align="justify">หน่วยแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2517 เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคม สร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นิคมนี้มีสถานีอนามัย เพียงแห่งเดียว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์ หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล นราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นประจำ<br />โครงการศัลยแพทย์อาสาราชวิทยาลัยตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2518 หลังจากที่เปิดโครงการแพทย์พิเศษตามพระราช ประสงค์ใน พ.ศ. 2517 แพทย์ที่อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและมีประสบการณ์ มาก เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องมีศัลยแพทย์อาสาไปช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ แปรพระราชฐาน ประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูล และความต้องการของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ในด้านศัลยกรรม และ รวบรวมจัดทำทำเนียบศัลยแพทย์อาสา แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลย<a href="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cqdPQYevI/AAAAAAAAAIA/vYRcPfxCZJc/s1600-h/3.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158638579976010482" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" height="199" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cqdPQYevI/AAAAAAAAAIA/vYRcPfxCZJc/s320/3.jpg" width="210" border="0" /></a>แพทย์ขึ้น ภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับวิทยาลัยศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์และ เปลี่ยนชื่อเป็น ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย </div><div> </div><div align="justify">โครงการแพทย์หู คอ จมูกเริ่มเมื่อ พ.ศ. 2522 โดยอาศัยแพทย์หู คอ จมูกอาสาสมัครจาก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครราชสีมา และโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติราชการชุดละ 2 สัปดาห์ เริ่มที่จังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาขยายการปฏิบัติงานไปที่จังหวัดสกนนคร และที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่<br />โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2524 เพื่อรักษาพยาบาลราษฎรยากจนที่เจ็บป่วย และไม่สะดวกที่จะเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลได้ โดยติดต่อแพทย์ จากโรงพยาบาลส่วนกลาง และรับแพทย์อาสาสมัครมาปฏิบัติงานที่ค่ายกาวิละ ในระหว่างที่ทรงแปรพระราชฐานประทับแรมอยู่ที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ มี โครงการตามพระราชดำริ 2 โครงการ คือ คณะแพทย์พระราชทาน การอบรม หมอหมู่บ้าน</div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-83344988520223194302008-01-23T03:45:00.000-08:002008-12-09T02:41:51.486-08:00โครงการหลวง<div><a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cpY_QYerI/AAAAAAAAAHg/3acNTigf5PI/s1600-h/7.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158637407449938610" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 146px; CURSOR: hand; HEIGHT: 201px" height="167" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cpY_QYerI/AAAAAAAAAHg/3acNTigf5PI/s320/7.jpg" width="146" border="0" /></a> จากการเสด็จแปรพระราชฐานยังพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรในภาคเหนือทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมชาวเขาหลายหมู่บ้าน บริเวณดอยปุย เมื่อกว่า ๒๐ ปีมานี้ ทรงทราบว่าชาวเขาส่วนใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่แร้นแค้นมีอาชีพทำไร่เลื่อนลอย มีการปลูกฝิ่นและตัดไม้ทำลายป่าและต้นน้ำลำธาร และนำความเสียหายไปสู่ส่วนอื่นของประเทศอีกด้วย<br />ก่อนที่จะจัดตั้งโครงการหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรตามหมู่บ้านชาวเขาบริเวณดอยปุย ได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น และทรงทราบว่าชาวเขาส่วนใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่แร้นแค้นมีอาชีพทำไร่เลื่อนลอย มีการปลูกฝิ่นและตัดไม้ทำลายป่าและต้นน้ำลำธาร และนำความเสียหายไปสู่ส่วนอื่นของประเทศอีกด้วย ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงได้ทรงสนับสนุนงานวิจัยไม้ผลเมืองหนาว โดยได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน ๒ แสนบาท สนับสนุนงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่ (ปัจจุบันเรียกว่า สวนสองแสน) พร้อมทั้งทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้คณะทูตานุทูตพิจารณาให้ความช่วยเหลือ อันเป็นผลให้หลายประเทศให้ความสนใจช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และได้จัดส่งพันธุ์ไม้นานาชนิดมาให้ทดลองปลูก โครงการหลวงจึงเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๒<br />วัตถุประสงค์และประโยชน์ในการก่อตั้งโครงการหลวงจะเห็นได้จากพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังที่ว่า</div><a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cpj_QYesI/AAAAAAAAAHo/uWLlN0NzCgw/s1600-h/8.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158637596428499650" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 231px; CURSOR: hand; HEIGHT: 156px" height="156" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cpj_QYesI/AAAAAAAAAHo/uWLlN0NzCgw/s320/8.jpg" width="218" border="0" /></a>"… เรื่องที่จะช่วยชาวเขาและโครงการชาวเขานั้น มีประโยชน์โดยตรงกับชาวเขาเพื่อที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวเขามีความเป็นอยู่ดีขึ้น สามารถที่จะเพาะปลูกสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นรายได้กับเขาเอง ที่มีโครงการนี้ จุดประสงค์อย่างหนึ่งก็คือ มนุษยธรรม หมายถึงให้ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารสามารถที่จะมีความรู้และพยุงตัวมีความเจริญได้ อีกอย่างหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยในทางที่ทุกคนเห็นว่าควรจะช่วย เพราะเป็นปัญหาใหญ่ก็คือปัญหาเรื่องยาเสพติด ถ้าสามารถช่วยชาวเขาปลูกพืชที่เป็นประโยชน์บ้าง เขาจะเลิกปลูกยาเสพติด คือ ฝิ่น ทำให้นโยบายการระงับ การปราบปรามการสูบฝิ่น และการค้าฝิ่นได้ผลดี อันนี้ก็เป็นผลอย่างหนึ่ง ผลอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมากก็คือ ชาวเขาตามที่รู้เป็นผู้ที่ทำการเพาะปลูก โดยวิธีที่จะทำให้บ้านเมืองของเราไปสู่หายนะได้ โดยที่ถางป่าและปลูกโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ถ้าพวกเราทุกคนไปช่วยเขา ก็เท่ากับช่วยบ้านเมืองให้มีความอยู่ดีกินดี และปลอดภัยได้อีกทั่วประเทศ เพราะถ้าสามารถทำโครงการนี้ได้สำเร็จ ให้ชาวเขาอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งสามารถที่จะมีความอยู่ดีกินดีพอสมควร และสนับสนุนนโยบายที่จะรักษาป่าไม้รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป ประโยชน์อันนี้จะยั่งยืนมาก<br /><div><br /></div><br /><div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-34775441538625143462008-01-23T03:38:00.000-08:002008-12-09T02:41:51.819-08:00โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ บ้านห้วยหญ้าไซ จังหวัดเชียงราย<div><a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5coN_QYepI/AAAAAAAAAHQ/LMo64yj0KN8/s1600-h/4.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158636118959749778" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 203px; CURSOR: hand; HEIGHT: 135px; TEXT-ALIGN: center" height="123" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5coN_QYepI/AAAAAAAAAHQ/LMo64yj0KN8/s320/4.jpg" width="189" border="0" /></a><br /><div align="left">ความเป็นมา<br />เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2542 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรบ้านห้วยหญ้าไซ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ในการนี้ได้พระราชทานพระราชดำริแก่ นายสหัส บุญญาวิวัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ พระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ให้ดำเนินการสำรวจและจัดหาพื้นที่จัดตั้งเป็นโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่<br /><br />วัตถุประสงค์<br />1. เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น<br />2. เพื่อให้ราษฎรมีความรู้สึกรัก และหวงแหนป่าไม้ที่มีอยู่และที่ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่<br />3. เพื่อให้ราษฎรเกิดความรู้สึกมีความมั่นคงในครอบครัวและชุมชนที่อาศัยอยู่<br />4. เพื่อให้แหล่งน้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติและที่สร้างขึ้นที่มีอยู่ในโครงการและรอบๆ มีความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ตลอดไป<br /><br />ที่ตั้งโครงการ<br />หมู่บ้านห้วยหญ้าไซ หมู่ที่ 11 ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย<br /><br />หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ<br />1. สำนักงานป่าไม้เขตเชียงราย2. สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (ส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ)<br /><br />ระยะเวลาดำเนินการ<br />เริ่มตั้งแต่ปี 2542 </div><br /><div align="left"></div><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158636453967198882" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 205px; CURSOR: hand; HEIGHT: 134px; TEXT-ALIGN: center" height="128" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cohfQYeqI/AAAAAAAAAHY/SpMnNkHkzBU/s320/5.jpg" width="195" border="0" /><br /><div align="left">ผลการดำเนินงานปี 2543 (กรมป่าไม้)<br />1. สำรวจออกแบบและก่อสร้างถนนป่าไม้ลำลอง 10 กิโลเมตร<br />2. งานอำนวยการ 1 งาน<br />3. ปลูกป่าทั่วไป 500 ไร่<br />4. สร้างฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน 50 แห่ง </div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-21220168406611415272008-01-23T03:36:00.000-08:002008-12-09T02:41:52.018-08:00โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านคมนาคม การสื่อสาร และเทคโนโลยี<a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cm5_QYeoI/AAAAAAAAAHI/V8JkvVJ3-og/s1600-h/3.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158634675850738306" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 230px; CURSOR: hand; HEIGHT: 152px; TEXT-ALIGN: center" height="132" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cm5_QYeoI/AAAAAAAAAHI/V8JkvVJ3-og/s320/3.jpg" width="204" border="0" /></a><br /><div>โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านคมนาคม การสื่อสาร และเทคโนโลยีจะเกี่ยวกับการปรับปรุงถนนหนทาง ทั้งในชนบทที่อยู่ห่างไกลความเจริญ เพื่อใช้สัญจรไปมาและนำสินค้าออกมาจำหน่ายภายนอกได้โดยสะดวก ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านคมนาม โครงการแรกคือโครงการสร้างถนนเข้าสู่หมู่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ (ปัจจุบันคือตำบลทับใต้) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จนกระทั่งโครงการสะพานพระราม 8 ที่ได้พระราชทานแนวพระราชดำริเพื่อแก้ไขปัญหาการสัญจรของประชาชนในกรุงเทพมหานครให้ได้รับความสะดวกยังผลสู่ภาพรวมของประเทศทั้งด้านสังคม และเศรษฐกิจ ดังพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2537 ความว่า<br /><br />“สำหรับการจราจรเครื่องมือนั้นสำคัญที่สุดคือถนนก็ต้องมีถนนที่เหมาะสมทีเครื่องควบคุมการจราจรไม่ใช่เรื่องของรัฐศาสตร์ หรือของตำรวจ หรือของศาล เป็นเรื่องของวิศวกรรมก็จะต้องให้ดีขึ้น คือหมายความว่าทำให้ถนนดีขึ้น ให้สอดคล้อง ซึ่งเป็นการบ้านที่หนักสุด เพราะว่ากรุงเทพฯ ได้สร้างมาเป็นเวลา 200 ปีแล้ว ไม่ได้มีแผนผังเมืองที่จริงๆ จัง ก็มีการผังเมืองของทางการ แต่ว่าก็ไม่ได้ประโยชน์มากนักเพราะว่าคนไทย ตามชื่อคนไทย คืออิสระบังคับกันไม่ได้ จะสร้างอะไรก็สร้าง อยากจะสร้างเดี๋ยวนี้ก็สร้างก็ไปขวางกับคนอื่น คือขวางทางอื่นอันนี้ก็เลยแก้ไม่ได้...”</div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-36439505974995829192008-01-23T03:32:00.000-08:002008-12-09T02:41:52.812-08:00โครงการพระราชดำริการยกร่องปลูกพืชในพื้นที่พรุ<a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cmJ_QYenI/AAAAAAAAAHA/-vTKdTvaHcs/s1600-h/2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158633851217017458" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 222px; CURSOR: hand; HEIGHT: 145px; TEXT-ALIGN: center" height="133" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cmJ_QYenI/AAAAAAAAAHA/-vTKdTvaHcs/s320/2.jpg" width="185" border="0" /></a><br /><div align="center"></div><br /><div align="center"></div><br /><div align="center">ความเป็นมา </div><br /><div>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวทางในการขุดยกร่องสำหรับพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด สำหรับเป็นตัวอย่างให้เกษตรกร ให้ขุดเอาหน้าดินสีดำซึ่งเป็นดินดีจากแนวคูน้ำไปเสริมหน้าดินบนสันร่อง ทำให้ได้หน้าดินดีหนามากขึ้น ดินด้านล่างที่ขุดขึ้นมาใช้เสริมสันร่องด้านข้าง กรดที่เกิดขึ้นจะถูกชะล้างลงไปยังคูน้ำด้านข้างได้ง่าย น้ำเปรี้ยวในคูน้ำ ต้องมีการถ่ายเทออกไป แล้วนำน้ำดีเข้ามาแทนที่อย่างสม่ำเสมอ</div><br /><div></div><br /><div align="center">การดำเนินงาน </div><br /><div>ก่อนขุดยกร่องต้องสำรวจความลึกของชั้นดินเลน เมื่อทราบแล้วให้ขุดลึกเพียงแค่ระดับดินเลน เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเติมออกซิเจน อาจจะทำให้ดินเป็นกรดจัดมากขึ้นขั้นตอนการขุดร่องพอสรุปได้ดังนี้ ก) วางแนวร่องให้เหมาะสมกับชนิดของพืชที่จะปลูก ซึ่งโดยทั่วๆ ไปสันร่องจะกว้างประมาณ 6 - 8 เมตร ส่วนท้องร่องกว้างประมาณ 1 - 1.5 เมตร ข) ระหว่างร่องที่จะขุดคู ให้ใช้แทรกเตอร์ปาดหน้าดินมาวางไว้กลางสันร่อง หน้าดินของดินเปรี้ยวจัด ส่วนใหญ่จะมีอินทรีย์วัตถุสูง และค่อนข้างร่วนซุย จึงมีประโยชน์มากหากจะนำมากองไว้ช่วงกลางสันร่อง มิฉะนั้นหน้าดินดังกล่าวจะถูกดินที่ขุดขึ้นมาจากคูกลบเสียก่อน ค) ขุดดินจากคูที่วางแนวไว้มากลบบริเวณขอบสันร่องที่หน้าดินถูกปาดออกไปแล้ว สันร่องจะสูงอย่างน้อย 50 ซม. เหมาะที่จะปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้นต่างๆ ง) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมควรมีคันดินที่อัดแน่นล้อมรอบเพื่อป้องกันน้ำซึม มีระดับความสูงมากพอที่จะป้องกันน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน จ) ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำเข้า - ออก เนื่องจากน้ำในคู หากปล่อยทิ้งไว้นาน 3 - 4 เดือน จะแปรสภาพเป็นกรดจัด จึงควรมีการถ่ายเทน้ำออก 3 - 4 เดือนต่อครั้ง แล้วสูบน้ำดีเข้ามาแทน ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมมาก ควรยกร่องเตี้ยๆ เพื่อพืชล้มลุกหรือพืชผักแทน โดยปลูกเป็นพืชหมุนเวียนกับการปลูกข้าว กล่าวคือปล่อยให้ท่วมร่องส่วนในฤดูฝน แล้วปลูกข้าวบนสันร่อง ก็จะช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายเพราะไม่จำเป็นต้องสูบน้ำออกพอพ้นฤดูฝนก็ปลูกพืชผักหรือพืชล้มลุกแทนสลับกันไป</div><br /><div></div><br /><div align="center">การขยายผล </div><br /><div>ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้นำแนวพระราชดำริในการขุดยกร่องเพื่อปลูกพืชมาดำเนินการในแปลงทดลองของศูนย์ฯ จนประสบผลสำเร็จ สามารถปลูกพืชไร่ พืชผัก ไม้ผล พืชเศรษฐกิจต่างๆ ได้ และขยายผลดำเนินงานด้วยวิธีการนี้ไปสู่พื้นที่เป้าหมายได้แก่ พื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ฯ พื้นที่พรุบาเจาะ พื้นที่พรุกาบแดง บ้านโคกอิฐ - โคกใน บ้านโคกกระท่อม บ้านยูโย และส่งเสริมให้คำแนะนำแก่เกษตรกรที่สนใจในการปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดในเขตจังหวัดอื่นๆ ด้วย</div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-88224593903834536882008-01-23T03:22:00.000-08:002008-12-09T02:41:52.951-08:00โครงการพระราชดำริการปรุงน้ำเปรี้ยว<a href="http://4.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5clTvQYemI/AAAAAAAAAG4/mAtOxMeZ1J4/s1600-h/1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158632919209114210" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5clTvQYemI/AAAAAAAAAG4/mAtOxMeZ1J4/s320/1.jpg" border="0" /></a><br /><div><div><div align="center">ความเป็นมา </div><br /><div>การดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำบางนราตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำบางนรา สามารถป้องกันน้ำเค็มมิให้รุกล้ำเข้าไปยังแม่น้ำบางนราได้ แต่การใช้น้ำเพื่อโครงการชลประทานในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำกลับประสบปัญหาคุณภาพน้ำเนื่องจากน้ำยังมีความเป็นกรดสูงมาก ในปี 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้ศึกษาหาวิธีการปรับสภาพน้ำเปรี้ยวก่อนที่จะส่งน้ำไปใช้ประโยชน์ในแปลงเกษตรกร ในขณะเดียวกันให้มีปูนละลายไปพร้อมกับน้ำในปริมาณสูงพอที่จะช่วยปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดด้วย เพื่อช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องใส่ปูนในแปลงนา อันเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก ช่วยลดภาระในการทำงานของเกษตรกร ทรงเรียกวิธีการปรับสภาพน้ำเปรี้ยวนี้ว่า "การปรุงน้ำเปรี้ยว"</div><br /><div align="center">ผลการดำเนินงาน </div><div> </div><div>ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้จัดทำอาคารต้นแบบที่สถานีพัฒนาที่ดินนราธิวาส โดยใช้หินปูนฝุ่นเป็นวัสดุปรับสภาพน้ำเปรี้ยว ให้น้ำเปรี้ยวไหลผ่านกล่องบรรจุหินปูนฝุ่นในแนวนอน จากการดำเนินงานพบว่า สามารถปรับน้ำเปรี้ยวที่มีค่า pH 3 ขึ้นไปถึง 6 ได้ นอกจากนี้ได้นำน้ำที่ปรับสภาพแล้วไปใช้ปลูกข้าวในดินเปรี้ยวจัด ข้าวที่ปลูกโดยใช้น้ำปรับสภาพนี้ให้ผลผลิตใกล้เคียงกับการใช้หินปูนฝุ่นใส่ลงโดยตรงในแปลงนา การปรุงน้ำเปรี้ยวโดยวิธีนี้จะช่วยประหยัดปริมาณการใช้หินปูนฝุ่นได้อย่างมาก อีกทั้งยังช่วยลดแรงงานในการโรยหินฝุ่น ในปี พ.ศ. 2539 ได้นำผลการทดลองนี้มาใช้ปรับสภาพน้ำเปรี้ยวภายในแปลงทดลองซึ่งแต่เดิมน้ำเปรี้ยวจากแปลงทดลองจะถูกระบายทิ้ง ทางศูนย์ฯ จึงได้ก่อสร้างอาคารปรับสภาพน้ำเปรี้ยวขึ้นบริเวณใกล้กับคลองระบายน้ำ โดยดัดแปลงขนาดและหน้าตัดของกล่องบรรจุหินปูนฝุ่นให้ใหญ่ขึ้น น้ำเปรี้ยวที่ผ่านการปรับสภาพถูกส่งกลับไปใช้ในแปลงทดลองได้อีก เป็นการประหยัดทรัพยากรน้ำและลดปัญหาน้ำเปรี้ยวได้อย่างดี</div><br /><div align="center">การขยายผล </div><br /><div>ในการพัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดบ้านยูโย งานชลประทานได้นำผลการทดลองนี้ไปใช้ในการปรับสภาพน้ำเปรี้ยวที่ระบายออกจากพื้นที่ในคลองบางเตย ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยสร้างคันหินปูนฝุ่นขวางลำน้ำในคลอง น้ำเปรี้ยวในคลองจะถูกปรับสภาพก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำบางนรา</div></div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-42272608471815227792008-01-23T02:47:00.001-08:002008-01-23T02:50:19.147-08:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4คำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 4<br /><br />จงเติมคำลงในช่องว่างต่อไปนี้ให้สมบูรณ์และถูกต้อง<br /><br />1. คำว่า Communis แปลว่า คล้ายคลึงหรือร่วมกัน หรือความหมายอีกนัยหนึ่งคือ การสื่อสาร<br /><br />2. การสื่อความหมาย หมายถึง กระบวนการส่งหรือถ่ายทอดความรู้ เนื้อหา สาระ ความรู้สึก นึกคิด ทัศนคติ ค่านิยม ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์จากบุคคลฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “ ผู้ส่ง ” ไปยังอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า “ ผู้รับ ”<br /><br />3. Sender _ Message _ Channel _ Receiver<br /><br />4. สาร หมายถึง เนื้อหา สาระ ความรู้สึก ทัศนคติ ทักษะ ประสบการณ์ที่มีอยู่ในผู้ส่ง หรือแหล่งกำเนิด<br /><br />5. Elements หมายถึง องค์ประกอบย่อย ๆ พื้นฐานที่จำเป็นต้องมีตัวอย่าง เช่น สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ หรือสีแดง สีเหลือง เส้น เป็นต้น<br /><br />6. Structure หมายถึง โครงสร้างที่เกิดจากการนำเอาองค์ประกอบย่อย ๆ มารวมกันตัวอย่าง เช่น คำ ประโยค หรือสีสันของรูปร่าง รูปทรง ฯลฯ<br /><br />7. Content หมายถึง ข้อมูลที่เป็นความรูสึกนึกคิด ความต้องการของผู้ส่งตัวอย่าง เช่น ข้อมูลนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร สอดคล้องเหมาะสมกับอะไร<br /><br />8. Treatment หมายถึง วิธีการเลือก การจัดรหัสและเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบที่จะสามารถถ่ายทอดความต้องการของผู้ส่งไปยังผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ส่งมีวิธีการและเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งบางทีเราเรียกว่า Style ในการสื่อสารตัวอย่าง เช่น การส่งสารโดยใช้เสียงเพลงเป็นตัวนำ หรือส่งโดยการอัดเทปข้อความในสาร<br /><br />9. Code หมายถึง กลุ่มสัญลักษณ์ที่ถูกนำมาจัดแทนความรู้สึกนึกคิด ความต้องการตัวอย่าง เช่น ภาษาพูด ภาษาดนตรี ภาพวาด กิริยา ท่าทาง<br /><br />10. อุปสรรคหรือสิ่งรบกวนภายนอก เช่น เสียงดังรบกวน อากาศร้อน กลิ่นไม่พึงประสงค์ แสงแดด ฯลฯ<br /><br />11. อุปสรรคหรือสิ่งรบกวนภายใน เช่น ความเครียด อารมณ์ขุ่นมัว อาการเจ็บป่วย ความวิตกกังวล<br /><br />12. Encode หมายถึง ผู้ส่งสารขาดความสามารถในการเข้ารหัส<br /><br />13. Decode หมายถึง ความบกพร่องของสื่อหรือช่องทาง การเลือกใช้สื่อและช่องทางที่ไม่เหมาะสม<br /><br />14. จงอธิบายการสื่อความหมายในการเรียนการสอนมาให้ครบถ้วนและถูกต้องการสื่อความหมายต้องมีองค์ประกอบดังนี้ครู คือผู้ส่งและกำหนดจุดมุ่งหมายของระบบการสอนควรมีพฤติกรรมดังนี้<br />- เข้าใจเนื้อหาการสอนเป็นอย่างดี<br />- มีความสมารถในการสื่อความหมาย<br />- จัดบรรญากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้เนื้อหา<br />-หลักสูตร ที่จะถ่ายทอดไปยังผู้เรียนควรมีลักษณะดังนี้<br />- เหมาะสมกับเพศและวัย<br />- สอดคล้องกับเทคนิค วิธีการสอน<br />- เนื้อหา ควรปรับปรุงให้ทันสมัยสื่อหรือช่องทาง เป็นตัวกลางหรือพาหะ ควรมีลักษณะเป็นดังนี้<br />- สอดคล้องกับธรรมชาติของประสาทสัมผัส<br />- เด่น สะดุดตา ดูง่าย สื่อความหมายได้ดีนักเรียน หรือผู้เรียน ในการเรียนการสอนที่จะทำให้ผู้เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีลักษณะดังนี้<br />- มีทักษะในการสื่อความหมาย<br />- มีความพร้อมทางจิตใจ<br />- มีความพร้อมทางร่างกาย โดยเฉพาะประสาทสัมผัสทั้ง 5<br />- มีเจคติที่ดีต่อครูผู้สอนเนื้อหาวิชา<br /><br />15. จงอธิบายถึงความล้มเหลวของการสื่อสารในการเรียนการสอน<br />15.1 ครูผู้สอนไม่บอกวัตถุประสงค์ในการเรียนให้ผู้เรียนทราบก่อนลงมือสอน<br />15.2 ครูผู้สอนไม่คำนึงถึงข้อจำกัดและขีดความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน<br />15.3 ครูผู้สอนไม่สนใจที่จะจัดบรรยากาศ ขจัดอุปสรรคและสร้างความพร้อมให้แก่ผู้เรียนก่อนลงมือสอน15.4 ครูผู้สอนบางคนใช้คำยาก ทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจความหมาย<br />15.5 ครูผู้สอนมักเสนอเนื้อหาวกวน สับสน รวดเร็ว ไม่สัมพันธ์ต่อเนื่อง กระโดดไปมา<br />15.6 ครูผู้สอนไม่สนใจที่จะใช้สื่อการสอนหรือเลือกใช้สื่อการสอนไม่เหมาะสมกับเนื้อหา*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-19079842729609334362008-01-23T02:34:00.000-08:002008-01-23T21:01:49.461-08:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 (ภาค 2 )<p>5. เทคโนโลยีการศึกษามีกี่ระดับ แต่ละระดับมีความหมายว่าอย่างไร จงอธิบายพอเข้าใจ<br />- เทคโนโลยีการศึกษามี 3 ระดับ<br />1. ระดับอุปกรณ์การสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีในระดับเครื่องช่วยการสอนของครู(Teacher, Aid) เป็นการเร้าความสนใจของนักเรียน ขยายความเข้าใจให้แจ่มแจ้ง<br />2. ระดับวิธีสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีแทนการสอนของครูด้วยตนเอง โดยผู้สอนไม่จำเป็นจะต้องอยู่ใน สถานที่แห่งเดียวกับผู้เรียนเสมอไป เช่นการสอนทางไกลโดยใช้วิทยุ โทรทัศน์ หรือเอกสารทางไปรษณีย์<br />3. ระดับการจัดระบบการศึกษา เป็นการใช้เทคโนโลยีการศึกษาระดับกว้าง สามารถจัดระบบการศึกษาตอบสนองผู้เรียนได้จำนวนมาก เช่น ระบบการสอนทางไกลของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชมีผู้เรียนทั่วประเทศแต่ผู้เรียนอาจจะไม่เคยเห็นผู้สอนตัวจริง มีแต่ผู้บรรยายทางโทรทัศน์ เทคโนโลยีระดับนี้มีองค์ประกอบที่สำคัญ เช่น งานบริหารการศึกษา งานพัฒนาการศึกษา สื่อการศึกษา ฯลฯ<br /><br /><br />6. จงอธิบายข้อแตกต่างและความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ชัดเจน<br />เทคโนโลยี หมายถึง การนำเอาขบวนการ วิธีการ และแนวความคิดใหม่ ๆ มาใช้หรือประยุกต์ใช้อย่างมีระบบเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรม หมายถึง แนวคิด เทคนิควิธี กิจกรรม วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่นำมาใช้แก้ปัญหาในการทำงาน ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผลงานดีขึ้น หรือ เป็นที่พอใจมากขึ้น<br /><br /><br />7. จงบอกถึงขั้นตอนในการเกิดนวัตกรรมมาให้ถูกต้อง<br />1. ขั้นการประดิษฐ์คิดค้น (Invention)<br />2. ขั้นการพัฒนาการ (Development) หรือขั้นการทดลอง (Pilot Project)<br />3. ขั้นการนำไปหรือปฏิบัติจริง (Innovation)<br /><br /><br />8. จงบอกถึงบทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษากับการจัดการเรียนการสอนมาอย่างน้อย 5 ข้อ<br />1. ช่วยให้ผู้เรียนเรียนได้กว้างขวางมากขึ้น ได้เห็นหรือได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียนและเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ และยังทำให้ผู้สอนมีเวลาแก่ผู้เรียนมากขึ้น<br />2. สามารถสนองเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้เรียนมีอิสระในการแสวงหาความรู้มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมมากขึ้น ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถ ตามความสนใจ และความต้องการของแต่ละบุคคล<br />3. ให้การจัดการศึกษาดีขึ้น มีการค้นคว้าวิจัย ทดลอง ค้นพบวิธีการใหม่ ๆ ตามสภาพความเปลี่ยนแปลง<br />4. มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสื่อการสอน ให้มีคุณค่าและสะดวกต่อการใช้มากขึ้น<br />5. ทำให้การเรียนรู้ไม่เน้นเฉพาะด้านความรู้เพียงอย่างเดียว แต่เน้นด้านทัศนะหรือเจตคติและทักษะแก่ผู้เรียนด้วย เช่น การเรียนผ่านทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ สไลด์ ชุดการสอน กระบวนการกลุ่ม เป็นต้น<br /><br /><br />9. จงยกตัวอย่างนวัตกรรมทางการศึกษาในปัจจุบันมาอย่างน้อย 3 ชนิด<br />1. ศูนย์การเรียน ใช้ร่วมกับชุดการเรียนการสอน แบบเรียนสำเร็จรูป<br />2. การสอนแบบโปรแกรม<br />3. บทเรียนสำเร็จรูป<br />4. ชุดการเรียนการสอน<br />5. การเรียนการสอนระบบเปิด<br /><br /><br />10. จงอธิบายถึงสาเหตุของการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ทางการศึกษาอย่างน้อย 3 ข้อ<br />1. การเพิ่มจำนวนประชากร<br />2. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม<br />3. ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการใหม่ ๆ<br /><br /><br /><br />11. จงอธิบายถึงแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมกับการศึกษาไทย 3 ข้อ<br />1. คนไทยส่วนใหญ่ไม่นับถือตนเอง<br />2. คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม<br />3. คนไทยส่วนใหญ่ขาดลักษณะที่พึงประสงค์ตามลักษณะสังคมไทย<br /><br /><br />12. จงยกตัวอย่างและแนวทางในการแก้ไขของการขาดลักษณะที่พึงประสงค์ของคนไทย อย่างน้อย 3ประการ<br />1. การจัดโรงเรียนไม่แบ่งชั้น<br />2. เรียนปนเล่น<br />3. การจัดโรงเรียนในโรงเรียน<br />4. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน<br />5. การสอนเป็นคณะ</p>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-46061933523715495502008-01-23T02:18:00.000-08:002008-12-09T02:41:53.171-08:00‘ถั่วงอกตัดรากไร้สารพิษ’ ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทำได้ในครัวเรือน<a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cX-_QYejI/AAAAAAAAAGg/2uZiDG8w8Ps/s1600-h/EAATHCAR7GC1CCADZ8KA3CA6DMV79CATMFGB1CAL82GADCAG6X6JQCAQG175ZCAYVF03ZCAPWC022CA868DSTCA8U04G3CA6A01UDCA0E0TA3CAJ3QZ6NCA4NDLF7CAPRV39QCA09J64OCAHVJQY2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158618269075667506" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 125px; CURSOR: hand; HEIGHT: 157px; TEXT-ALIGN: center" height="133" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cX-_QYejI/AAAAAAAAAGg/2uZiDG8w8Ps/s320/EAATHCAR7GC1CCADZ8KA3CA6DMV79CATMFGB1CAL82GADCAG6X6JQCAQG175ZCAYVF03ZCAPWC022CA868DSTCA8U04G3CA6A01UDCA0E0TA3CAJ3QZ6NCA4NDLF7CAPRV39QCA09J64OCAHVJQY2.jpg" width="125" border="0" /></a><br /><div><div align="justify">“ถั่วงอก” จัดเป็นพืชผักที่มีคุณค่าทางอาหารมากมายหลายชนิด ในวงการแพทย์เชื่อว่าในถั่วงอกมีกากใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่ายและขับไขมันส่วนเกินซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญถั่วงอกมีวิตามิน ซีสูงมาก และถั่วงอกยังเป็นพืชผักที่สามารถทำบริโภคกันได้ในครัวเรือนโดยผลิตเป็นพืชผักปลอดสารพิษได้ง่าย แต่ที่ผ่านมาวิธีการเพาะถั่วงอกมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ทั้งหมดจะได้ถั่วงอกที่มีรากติดมาด้วย ปัญหาเรื่องรากไม่สะดวกต่อการบริโภคทำให้เสียเวลามาเด็ดราก ในขณะนี้มีเรื่องที่น่ายินดีมีเกษตรกรไทยที่ค้นหาวิธีการเพาะถั่วงอกแบบไร้รากและปลอดสารพิษเป็นผลสำเร็จ คุณสมร เทียมมงคล เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ จ.ลพบุรี บ้านเลขที่ 196/2 หมู่ 8 ถนนพหลโยธิน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี ได้ใช้เวลานานหลายปีในการค้นหาวิธีในการเพาะถั่วงอกแบบตัดรากและเป็นรายแรกของเมืองไทยที่คิดค้นวิธีการเพาะถั่วงอกแบบนี้ โดยถั่วงอกที่เพาะได้ไม่ต้องไปเด็ดรากทิ้งอีก ได้ถั่วงอกที่มีความสด, กรอบและรสชาติอร่อยมาก </div><br /><div align="justify"></div><br /><div align="justify">คุณสมรได้ให้คำแนะนำในการเพาะถั่วงอกแบบนี้เริ่มจาก การคัดเลือกเมล็ดถั่วเขียวจะต้องคัดเมล็ดที่ไม่สวยออก หลังจากนั้นนำเมล็ดมาล้างทำความสะอาด 2-3 น้ำ เทคนิคที่สำคัญก็คือจะต้องนำถั่วเขียวที่ทำความสะอาดแล้วมาแช่ในน้ำอุ่นนานประมาณ 8 ชั่วโมง (วิธีเตรียมน้ำอุ่นให้ใช้น้ำเดือด 1 ส่วนผสมกับน้ำเย็นธรรมดา 3 ส่วน) หลังจากแช่น้ำอุ่นแล้วนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 2-3 ครั้งจนน้ำดูใสสะอาด อุปกรณ์ที่ใช้เพาะถั่วงอกแบบตัดรากจะใช้ตะกร้าพลาสติกที่มีปากกว้างประมาณ 15 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 12 นิ้ว มีตาข้างรอบตะกร้าเพื่อเป็นรูระบายน้ำ หลังจากนั้นให้วางแผ่นตะแกรงพลาสติกเป็นฐานรองก้นตะกร้า ปูทับด้วยแผ่นกระสอบป่าน ปูแผ่นตะแกรงพลาสติกทับอีกที และโรยเมล็ดถั่วเขียวให้ทั่วตะแกรงหนาประมาณ 1.50 เซนติเมตร ถือว่าเสร็จสิ้น 1 ชั้น จากนั้นปูทับด้วยกระสอบป่านตามด้วยตะแกรงพลาสติกแล้วโรยเมล็ดถั่วให้มีความหนาเท่าเดิม ทำซ้ำแบบนี้ 4 ชั้น แต่ในชั้นสุดท้ายเมื่อโรยเมล็ดถั่วเสร็จแล้ว หลังจากปิดทับด้วยตะแกรงพลาสติกแล้วจะต้องปิดทับด้วยกระสอบป่าน 2 ผืนซ้อนกัน หลังจากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม นำตะกร้าไปใส่ในถุงดำที่ตัดมุมตรงก้นถุงออกแล้ว ทำการพับปากถุงให้มิดชิดเพื่อไม่ให้อากาศและแสงเข้า นำไปวางไว้ในที่ร่มจะต้องรดน้ำ 3 เวลาเป็นอย่างน้อย (เช้า-กลางวัน-เย็น) รดน้ำจนครบ 3 คืน เช้าขึ้นมาอีกวันก็นำมาใช้ได้ โดยยกเอาแผงถั่วงอกมาแช่ในน้ำ ตัดเอาเฉพาะส่วนต้น ส่วนของรากทิ้งไป วิธีการนี้ง่ายมากเพราะรากของถั่วงอกจะแทงทะลุตะแกรงและกระสอบป่าน เราจะใช้มีดคม ๆ ตัดส่วนของต้นลงแช่น้ำ เทคนิคสำคัญตอนที่นำเอาถั่วงอกขึ้นจากน้ำ จะต้องผึ่งในตะกร้าสักพักเพื่อให้ถั่วงอกสะเด็ดน้ำแล้วรีบบรรจุลงถุงพลาสติกมัดยางให้แน่นโดยไม่ให้อากาศเข้า สามารถเก็บถั่วงอกไร้รากและปลอดสารพิษเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 5-7 วัน โดยถั่วงอกไม่เหลือง วิธีการเพาะถั่วงอกแบบนี้สามารถทำบริโภคได้ในครัวเรือน, ต้นทุนต่ำ และปลอดสารพิษ “คู่มือเพาะถั่วงอกตัดรากไร้สารพิษ” พิมพ์ 4 สีมีแจกฟรี, เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์ 15 บาท ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/200 ถนน ศรีมาลา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร 66000 โทร.0-5661-3021. </div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-48386491475246389412008-01-23T02:11:00.000-08:002008-12-09T02:41:53.286-08:00ที่จับแมลงวันแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน<div>555 เมื่อวานดูสะเก็ดข่าวเค้าเสนอวิธีการทำที่จับแมลงวันแบบมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ แต่ว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านจริง ๆ วิธีการทำก็ง่ายมาก เตรียมอุปกรณ์ดังนี้<br />ขวดน้ำอัดลมแบบลิตร 3 ขวด<br />เทปกาว<br />กับดัก (อาหาร)<br />ดูรูปประกอบ<img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158613003445762578" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cTMfQYehI/AAAAAAAAAGQ/rVyqrjKR_yA/s320/fly1.gif" border="0" /></div>วิธีการทำก้อง่ายแบบคิดไม่ถึงจิง ๆ<br />นำขวดที่1 มาเจาะรูเยอะแบบให้แมลงวันเข้ามาได้มาต่อกันขวดที่ 2 แล้วก้เอาขวดที่ 2 ไปต่อกันขวดที่ 3 ที่มีน้ำอยู่เพื่อให้แมลงวันตกลงไปตายชักดิ้นชักงอ 555(ทรมานสัตว์มาก แต่มันเป็นพาหะนำโรคนินา แล้วน่ารำคาญมาก)<br />นำขวดที่1ไป ครอบที่กำดักที่เราวางไว้<br />ดูผลการทดลองคับ<br />แมลงวันเมื่อเข้ามาดมกับดักของเรา มันจะไม่บินลงข้างล่างคับ มันจะบินขึ้นอย่างเดียว ดังนั้นมันก้อเข้าไปขวดที่2 เมื่อเข้าไปแล้วมันขึ้นต่อไปไม่ได้มันก้อจะหา รูอากาศซึ่งก้อเป็นขวดที่3 ที่นี่ก้อเสร็จละจิ ขวดที่3 ไม่มีทางออก มันก้อจะบินจนเหนื่อยแล้วตกมาตาย แงก ๆ<br />ที่นี้เราก้อไปแนะนำร้านขายอาหารที่ชอบเลี้ยงแมลงวันให้ลองทำแบบนี้ดูวันหยุด ดีกว่าเอากาวเหนียว ๆ มาประดับยังกับดอกไม้ คนกินก้อสดชื่นล่ะซิ <div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-24373044301783094262008-01-23T02:05:00.000-08:002008-12-09T02:41:53.742-08:00ภูมิปัญญาในการทำน้ำอ้อยของเกษตรกรในอำเภอพร้าว<a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cSc_QYegI/AAAAAAAAAGI/g4TtKiNqaFs/s1600-h/L0942CAWHLTAMCANU4H2ACA84ACT1CAU62DIHCADTW7R1CA431M33CACNW638CA7QZMXFCAF5B033CA6ATEF3CAI01WDGCAW02FM0CAJFNK6UCAR2DTDOCAQK8NLUCAVVG9SGCAHCN30UCA6F8MEY.jpg"></a><br /><div><a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cSE_QYefI/AAAAAAAAAGA/r2Txw2HkpPU/s1600-h/p_oil004.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158611775085115890" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cSE_QYefI/AAAAAAAAAGA/r2Txw2HkpPU/s320/p_oil004.jpg" border="0" /></a> น้ำอ้อยเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่งที่ทำจากอ้อยโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ไม่มากนักอำเภอพร้าวเป็นพื้นที่แห่งเดียวในจังหวัดเชียงใหม่ที่เกษตรกร ประกอบอาชีพ ทำน้ำอ้อยเป็นอาชีพ เสริมหลังการทำนาเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้แก่ครอบครัว เป็นอาชีพที่ทำกันมานานโดยสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่เครื่องมือและอุปกรณ์การพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ในสมัยก่อนใช้แรงงานสัตว์ช่วยในการหีบอ้อย เปลี่ยนเป็นใช้เครื่องยนต์แทน จากที่เคยปลูกอ้อยพันธุ์พื้นเมืองก็เปลี่ยนเป็นพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตมากกว่าเดิม และทำเป็นก้อน น้ำอ้อยสมัยก่อนจะใช้วิธีตักหยอดที่ละก้อน ปัจจุบันก็ใช้วิธีเทลงบนแบบพิมพ์ ซึ่งทำได้เร็วกว่า และทำเป็นน้ำอ้อยผงตามที่พ่อค้าต้องการ การทำน้ำอ้อยถือได้ว่าเป็นการแปรรูป ผลผลิต ทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าโดยเกษตรกรเอง การแปรรูปอ้อยจะเริ่มตั้งแต่การปลูกอ้อยครั้งแรกในช่วงปลายฤดูฝนประมาณเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน พอครบ 1 ปีก็สามารถตัดอ้อยมาแปรรูปได้ อ้อยที่ปลูกสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นาน 3-4 ปี จึงจะรื้อปลูกใหม่ เกษตรกรจะตัดอ้อยให้พอหีบ หมดในแต่ละวันเท่านั้นการหีบอ้อยจะเริ่ม ตั่งแต่เช้ามืด เมื่อหีบเสร็จก็จะเริ่มเคี่ยวทันที โดยเคี่ยวในกะทะขนาดใหญ่ และใช้กากอ้อย ที่หีบเอาน้ำอ้อยออกแล้วไปตากให้แห้ง นำมาเป็นเชื้อเพลิงในการเคี่ยวน้ำอ้อย ฉะนั้นถ้าฝนตก เกษตรกรก็จะหยุดหีบอ้อยเพราะไม่มีเชื้อเพลิงในการเคี่ยวน้ำอ้อย การทำน้ำอ้อยในอำเภอพร้าวจะมีเฉพาะพื้นที่ 2 ตำบลซึ่งเป็นเขตพื้นที่ติดต่อกัน คือ บ้านห้วยกุ บ้านป่าตุ้ม ตำบลป่าตุ้ม และบ้านสหกรณ์ ตำบลเขื่อนผาก ในช่วงหลังการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ประมาณเดือน ธันวาคม ถึงเดือน มีนาคม ของทุกปี สามารถเข้าไปดูกระบวนการแปรรูปอ้อย ของเกษตรกรได้ ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่มากในปัจจุบัน<br /><br /><div></div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-1714877503570586962008-01-23T01:42:00.000-08:002008-12-09T02:41:54.168-08:00น้ำส้มควันไม้ ภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างสารอินทรีย์<a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cQp_QYeeI/AAAAAAAAAF4/geokfoU771A/s1600-h/images.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158610211717020130" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cQp_QYeeI/AAAAAAAAAF4/geokfoU771A/s320/images.jpg" border="0" /></a> นายเชิด พันธ์เพ็ง แกนนำชุมชน จ.อยุธยาเล่าว่า ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกได้ทดลองทำสารสกัดน้ำส้มควันไม้ขึ้น จึงได้ชักชวนกันไปศึกษาดูงาน จากนั้นจึงได้ลงมือปฏิบัติทำน้ำส้มควันไม้ ภูมปัญญาชาวบ้าน สร้างสารอินทรีย์ขึ้นมา แรกเริ่มมีคนทำอยู่ 10 คน โดยชาวบ้านจะนำไม้ที่กรมทางหลวงตัดทิ้ง จากการตัดแต่งต้นไม้ริมถนนหรือใช้ไม้ในสวนบ้าง โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำครัวเรือน ไม่ให้ทำเป็นเชิงธุรกิจ เพราะจะทำให้ต้นไม้หมดไปได้ ถ้าไม่มีการปลูกทดแทน<br /><br />ขั้นตอนในการทำน้ำส้มควันไม้ เริ่มจากก่ออิฐบล็อก กว้างและสูงประมาณ 1.5 เมตร และยาวประมาณ 2 เมตร นำถังน้ำมัน 200 ลิตรที่ตัดปากให้กว้างและเจาะปลายถังให้เท่ากับกระบอกไม้ไผ่ที่นำมาวางแล้วใส่ตะแกรง นำไม้ที่จะเผาใส่ลงไปในถังแล้วติดไฟจนคิดว่าเตาติดแล้วจึงปิดปากเตาพอประมาณฝ่ามือเพื่อปล่อยอากาศเข้าไป เมื่อดูแล้วควันเป็นสีน้ำตาลจึงนำไม้ไผ่ไปครอบไว้กับท้ายเตาเผาที่มีปล่องเจาะไว้เพื่อจะให้อากาศออก เมื่อความร้อนที่เผาไหม้ลอยออกทางปลายไม้ไผ่กระทบกับความเย็นรวมตัวกันเป็นหยดน้ำแล้วทิ้งไว้จนเตาเผาดับใช้เวลาประมาณ 24ชั่วโมง ก็จะได้น้ำส้มควันไม้ โดยเตาหนึ่งจะได้น้ำส้มควันไม้ประมาณ 5 ลิตร นำมาทิ้งไว้ให้ตกตะกอนประมาณ 3 เดือน จึงนำออกมาทดลองใช้ ส่วนถ่านที่ได้ก็สามารถนำไปขายถือว่าได้กำไรสองต่อ<br /> <br /> จากการทดลองใช้น้ำส้มควันไม้กับพืช เช่นผักบุ้ง เริ่มตั้งแต่เตรียมดินแล้วฉีดยาพ่นตากดินทิ้งไว้จึงปลูกผัก เมื่อพืชแทงยอดอ่อนขึ้นมาจึงฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ลงไปอีกประมาณ 3 ครั้ง โดยอัตราส่วนที่ใช้น้ำส้มควันไม้ 20 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร จะไม่มีแมลงมารบกวนเลย ลำต้นจะแข็งแรงมาก เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วน้ำหนักดี ทิ้งไว้ค้างคืนลำต้นจะไม่เหลือง รสชาดดี เป็นที่ยอมรับของตลาด*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-49321957223725246672008-01-23T01:21:00.000-08:002008-12-09T02:41:54.275-08:00แปรรูปผลผลิตการเกษตร (กล้วยม้วนอบเนย)<a href="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cHvPQYedI/AAAAAAAAAFw/lRWySKEtoPs/s1600-h/Otop5_20051117114032_0_thumbnail.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5158600406306683346" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 151px; CURSOR: hand; HEIGHT: 119px" height="109" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/R5cHvPQYedI/AAAAAAAAAFw/lRWySKEtoPs/s320/Otop5_20051117114032_0_thumbnail.jpg" width="145" border="0" /></a><br />ประวัติความเป็นมา<br />เดิมเป็นกล้วยฉาบแบบธรรมดาทั่วไป ผลิตจำหน่ายภายในหมู่บ้าน ต่อมากลุ่มได้รับการอบรม และศึกษาดูงานจากสำนักงานพัฒนาชุมชน และเกษตรอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ในเรื่องการแปรรูปกล้วยเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ กลุ่มจึงเกิดแนวคิดของกล้วยอบเนย กล้วยอบสมุนไพร กล้วยรสบาบีคิว<br /><br /><br />กระบวนการขั้นตอนการผลิต<br />ปอกเปลือกกล้วย ใสเป็นแผ่น นำมาม้วนทอดลงในน้ำมันให้เหลือง คลุกเคล้ากับเนยและเกลือป่น ผสมน้ำตาลทราย และบรรจุถุงจำหน่าย<br /><br /><br />จุดเด่นของผลิตภัณฑ์<br />ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ รสชาดอร่อย<br /><br /><br />ปริมาณการผลิต<br />250 กิโลกรัม/เดือน<br /><br /><br /><br />ราคา<br />ขายส่ง กิโลกรัมละ 120 บาท ขายปลีกกิโดลกรัมละ 160 บาท<br /><br /><br />สถานที่จำหน่าย<br />299/205 หมู่ที่ 12 ถนนสุขสวัสดิ์ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 0-2816-2293<br />สนใจสั่งซื้อ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่<br />0-2816-2293*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-51977649771084820832007-10-13T19:37:00.001-07:002008-12-09T02:41:54.348-08:00ข้อที่ 11. บริการสนทนาออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Chat<a href="http://4.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFDcGW8QqI/AAAAAAAAABs/d8Bafq-1qx0/s1600-h/comroad.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5120948401319199394" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFDcGW8QqI/AAAAAAAAABs/d8Bafq-1qx0/s320/comroad.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:130%;"></span><span style="font-size:100%;"></span></span><span style="font-family:courier new;color:#000000;">บริการสนทนาออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Chat (IRC - Internet Relay Chat) หรือเรียกว่า Talk เป็นบริการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบัน โดยผู้ใช้บริการสามารถคุยโต้ตอบ (ทั้งโดยการพิมพ์ และพูด) กับผู้อื่นๆ ในเครือข่ายได้ในเวลาเดียวกัน อาจจะได้ยินคำศัพท์เพิ่มขึ้นเยอะมาก เช่น Web chat , Chat room ฯลฯปัจจุบันบริการนี้ ได้นำมาประยุกต์ใช้กับการประชุมทางไกล (VDO Conference) โดยอาศัยอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น กระดานสนทนา, ไมโครโฟน, กล้องส่งภาพขนาดเล็กเป็นต้น</span></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-80282032566823903672007-10-13T19:37:00.000-07:002008-12-09T02:41:54.668-08:00ข้อที่ 12. กระดานข่าว หรือ Bulletin Board Sytem (BBS)<a href="http://3.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFFi2W8QrI/AAAAAAAAACI/nUaPhDU2bEs/s1600-h/SPACE068.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5120950716306571954" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; CURSOR: hand" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFFi2W8QrI/AAAAAAAAACI/nUaPhDU2bEs/s320/SPACE068.jpg" border="0" /></a><br /><br /><div><span style="color:#cc33cc;">กระดานข่าว หรือ Bulletin Board Sytem (BBS)</span> เป็นบริการข่าวสารรูปแบบหนึ่ง โดยอาศัยการเผยแพร่ข้อมูลผ่านกระดานอิเล็กทรอนิกส์ ของเครือข่าย ตามหมวดหมู่ที่มีการกำหนดไว้ หรืออาจจะกำหนดเพิ่มเติมก็ได้ ที่เรียกว่ากลุ่มข่าว (Newsgroup) เช่น กลุ่มผู้สนใจด้านศิลปะ, ด้านโปรแกรม เป็นต้น ปัจจุบันเป็นบริการหนึ่งที่นิยม และมีการปรับรูปแบบให้อยู่ในรูปของเอกสาร HTML ทำให้สามารถเรียกดู และใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว</div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-82938672581478198522007-10-13T19:36:00.001-07:002008-12-09T02:41:54.819-08:00ข้อที่ 13. แนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ต<a href="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFHpmW8QtI/AAAAAAAAACY/-_6zbmDziU8/s1600-h/images.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5120953031293944530" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="125" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFHpmW8QtI/AAAAAAAAACY/-_6zbmDziU8/s320/images.jpg" width="132" border="0" /></a><br /><span style="color:#cc0000;">แนวโน้มการใช้อินเทอร์เน็ต</span><br />เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในอนาคต อินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น และจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรูปแบบใหม่ ดังนี้<br />- การคุยโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Voice over IP) ซึ่งปัจจุบันองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ก็นำมาใช้ผ่านหมายเลข 1234 ทั่วประเทศ (ต้นปี 2545)<br />- การคุยระยะไกลแบบมีภาพและเสียงของคู่สนทนา (Voice conference)<br />- การนำอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์กับเครือข่ายเคเบิ้ลทีวี (Web TV & Cable MODEM)<br />- การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตกับเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน (Internet Device)<br /><br /><div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-51335198015370529402007-10-13T19:32:00.001-07:002008-12-09T02:41:54.922-08:00ข้อที่ 14. Emotion<a href="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFIzWW8QuI/AAAAAAAAACg/RZ2m4GFRhFY/s1600-h/14.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5120954298309296866" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFIzWW8QuI/AAAAAAAAACg/RZ2m4GFRhFY/s400/14.jpg" border="0" /></a> Emoticon หรือ Emotion + Icon นั้นเป็นลูกเล่น ที่มาพร้อมกับ msn (โปรแกรม chat)<br /><br /><div></div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-51128949739237645752007-10-13T19:32:00.000-07:002008-12-09T02:41:54.936-08:00ข้อที่ 15. บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย<span style="font-family:arial;">โครงสร้างของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย (พ.ย. 2545) ปัจจุบันประกอบด้วย ISP 18 ราย และผู้ให้บริการแบบไม่หวังผลกำไรอีก 4 ราย แต่มีรูปแบบช่องรับ/ส่งสัญญาณที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ISP ทุกราย (ทั้งเชิงพาณิชย์และไม่หวังผลกำไร) จะต้องเช่าช่องสัญญาณจากจากผู้ให้บริการวงจรสื่อสารอีกต่อหนึ่ง โดยแบ่งเป็น- ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อภายในประเทศ - ISP สามารถเลือกเช่าช่องสัญญาณได้โดยเสรี ทั้งจาก ทศท., กสท., TelecomAsia, DataNet โดยวงจรของทุกราย จะเชื่อมต่อกับจุดแลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ เพื่อความรวดเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูล นั่นคือ การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่สื่อสารในประเทศไทย สามารถทำได้สะดวก ไม่ว่าคู่สื่อสารนั้น จะใช้บริการของ ISP รายใดก็ตาม ทั้งนี้จุดแลกเปลี่ยนในปัจจุบันได้แก่ IIR (Internet Information Research) ของเนคเทคและ NIX (National Internet Exchange) ของ กสท.- ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ - ISP จะต้องผ่าน กสท. เท่านั้น เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันยังไม่ให้อนุญาตให้ทำการส่งข้อมูลเข้า-ออกของไทย โดยปราศจากการควบคุมของ กสท. โดย ISP จะเชื่อมสัญญาณเข้ากับ IIG (International Internet Gateway)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><span style="font-family:arial;color:#cc0000;">บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย</span><br /><br /><a href="http://www.a-net.net.th/" target="_blank">ANET</a><br /><br /><a href="http://www.asiaaccess.net.th/" target="_blank">ASIA ACCESS</a><br /><br /><a href="http://www.asianet.co.th/" target="_blank">Asia Infonet</a><br /><br /><a href="http://4.bp.blogspot.com/_ztYToIw0vjI/RwEOyETgyJI/AAAAAAAAAB8/VlNWXQNnDj4/s1600-h/internetcard.gif"></a><a href="http://www.shinbroadband.com/" target="_blank">CS Internet</a><br /><br /><a href="http://www.cwn.net.th/" target="_blank">Cwn</a><br /><br /><a href="http://member.fareast.net.th/" target="_blank">Far East Internet</a><br /><br /><a href="http://www.idn.co.th/" target="_blank">Idea Net</a><br /><br /><a href="http://www.ji-net.com/" target="_blank">Ji-NET</a><br /><br /><a href="http://www.inet.co.th/" target="_blank">Internet Thailand</a><br /><br /><a href="http://www.ksc.net.th/" target="_blank">Internet KSC</a><br /><br /><a href="http://www.linethai.net.th/" target="_blank">Data Line Thai</a><br /><br /><a href="http://www.samart.co.th/" target="_blank">Samart Online</a><br /><br /><a href="http://www.sga.net.th/" target="_blank">Siam Global Access</a><br /><br /><a href="http://www.pacific.net.th/" target="_blank">Pacific Internet (Thailand)</a><br /><br /><a href="http://www.princess1.com/" target="_blank">E-Z Net Company</a><br /><br /><a href="http://www.roynet.co.th/" target="_blank">Roynet Public Co., Ltd </a><br /><br /><a href="http://www.reach.net.th/" target="_blank">Cable & Wireless Services (Thailand) Limited</a><br /><br /><a href="http://www.loxinfo.co.th/" target="_blank">Loxley</a><br /><br /><br /><br /><br />ที่มา :<a href="http://www.nectec.or.th/">http://www.nectec.or.th/</a>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-25847675666327809202007-10-13T19:31:00.000-07:002008-12-09T02:41:55.195-08:00ข้อที่ 16. Cybersquatter<a href="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFLWmW8QvI/AAAAAAAAACo/UUn0oXppC7Q/s1600-h/images.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5120957102922941170" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; CURSOR: hand" height="147" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_sWHlCgfX2hI/RxFLWmW8QvI/AAAAAAAAACo/UUn0oXppC7Q/s400/images.jpg" width="176" border="0" /></a><br /><br /><div><span style="color:#cc0000;">Cybersquatter</span> หมายถึง บุคคลที่คิดหากำไรทางลัด โดยการนำเอาเครื่องหมายการค้า หรือชื่อทางการค้าที่มีชื่อเสียง มาจดเป็นโดเมนเนม โดยเจ้าของไม่อนุญาต รวมถึงการจดไว้เพื่อขายต่อให้กับเจ้าของชื่อทางการค้า หรือเครื่องหมายการค้าที่แท้จริง </div>*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1633529935510549653.post-69786927914369447162007-10-13T19:27:00.002-07:002007-10-13T19:27:53.273-07:00ข้อที่ 17. หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในอินเทอร์เน็ตของประเทศไทยISP คงเป็นหน่วยงานแรกที่หลายๆ คนคงคิดถึงเมื่อนึกถึงหัวข้อนี้ รองลงไปก็คงเป็นเนคเทค ซึ่งก็ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย แต่ก็ยังมีหน่วยงานอื่นอีกหลายหน่วย ดังนี้<br />1. การสื่อสารแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ผูกขาดบริการวงจรสื่อสารระหว่างประเทศ ผู้ให้ใบอนุญาต และถอดถอนสิทธิการให้บริการของ ISP รวมทั้งเป็นหุ้นส่วนของ ISP ทุกราย (32%) รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการจุดแลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ<br />2. ISP - Internet Service Providers หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ทั้ง 17 ราย (พ.ย. 2545) ในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคคลและองค์กรต่างๆ<br />3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแบบไม่หวังกำไร เช่น SchoolNet ที่ให้บริการโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ, ThaiSarn ผู้ให้บริการเชิงวิจัยสำหรับสถานศึกษา, UniNet เครือข่ายของทบวงมหาวิทยาลัย, EdNet เครือข่ายของกระทวงศึกษาธิการ และ GINet เครือข่ายรัฐบาล<br />THNIC ในฐานะผู้ให้บริการจดทะเบียนชื่อโดเมนสัญชาติไทย (.th) และผู้ดูและบบบริการสอบถามชื่อโดเมนสัญชาติไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การดูแลของ AIT<br />4. NECTEC หรือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ในฐานหน่วยงานวิจัย ค้นคว้า และพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูล และในฐานะผู้ให้บริการจุดแลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ ผู้ดูแลเครือข่าย Thaisarn, SchoolNet, GINet และในฐานะคณะอนุกรรมการด้านนโยบายอินเทอร์เน็ตสำหรับประเทศไทย<br />5. ผู้ให้บริการวงจรสื่อสารภายในประเทศ ซึ่งมีหลายรายเช่น การสื่อสารแห่งประเทศไทย, บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทเอกชนอื่นๆ*~ Babymy ~* ..Q(*~*)"..!!!!http://www.blogger.com/profile/03714204108415487600noreply@blogger.com0